สาวฝรั่งโพสต์แชร์ประสบการณ์ เด็กเสี่ย ลง TikTok รู้ตัวอีกทีติดใจการถูกเปย์ พร้อมแนะทริคให้สาวๆ ที่ติดตาม ต้องทำอย่างไร เรื่องราวสาวสวย แชร์ประสบการณ์ เด็กเสี่ย ที่ทำเอาชาวเน็ตต้องฮือฮาครั้งนี้ เปิดเผยโดย เว็บไซต์ Dailystar ของอังกฤษ ซึ่งนำเสนอเรื่องราวของ ไบลีย์ ฮันเตอร์ หญิงสาวชาวมะกัน รัฐอินเดียนา ซึ่งเข้าสู่วงการ “เด็กเสี่ย” หรือ Sugar Baby ตั้งแต่อายุ 21 ปี
โดยจุดเริ่มต้น เกิดขึ้นตอนที่หญิงสาวทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านไก่ทอดแห่งหนึ่ง
และได้พบกับลูกค้าหนุ่มที่รุ่นราวคราวพ่อ แต่ประทับใจในการบริการของเธอ จึงได้ให้ทิปก้อนโต 100 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,300 บาท) จากบิลค่าไก่ทอด 40 ดอลลาร์ พร้อมกับทิ้งนามบัตรของเขาไว้ให้ที่โต๊ะ
ไบลีย์ เล่าว่า ตอนนั้นเธอไม่ทันได้ขอบคุณ จึงได้ส่งข้อความไปขอบคุณทางเบอร์โทรศัพท์ในนามบัตร แต่ฝั่งหนุ่มใหญ่ใจดีก็ตอบกลับมาว่าเธอสมควรได้รับแล้วเพราะทำงานได้ดี จากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันทางแชทตลอดหลายเดือน จนวันหนึ่งเธอเริ่มเล่าว่าเธอมีปัญหาการเงินเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งแน่นอนว่า เสี่ยใหญ่ ไม่รอช้า โอนค่าใช้จ่ายให้เธอทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยปากขอ และหลังจากนั้นเขาก็โอนเงินให้เธอใช้จ่ายเป็นประจำทุกเดือน เดือนละประมาณ 2,000 – 2,200 ดอลลาร์ (ราว 7 หมื่นบาท)
ส่วนใหญ่ทั้งคู่จะสานสัมพันธ์ผ่านช่องทางแชท โดยพบกันเป็นครั้งคราวเวลาที่หนุ่มใหญ่มาใช้บริการที่ร้านอาหารที่ฝ่ายหญิงทำงาน ซึ่งกว่าที่จะออกเดตกัน สาวคนนี้เผยว่า ต้องรอนานถึง 3 ปีทีเดียว โดยเดตแรกนั้น เสี่ยใหญ่จัดหนักทั้ง เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งน้ำหอม ชนิดจัดหนัก จัดเต็ม
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์กับเสี่ยหนุ่มต้องจบลง เมื่อ ไบลีนย์ ตัดสินใจย้ายที่อยู่ แต่เธอก็ได้แนะนำเพื่อนสนิทของตัวเองให้กับเสี่ยแทน และเขาก็ดูแลเพื่อนเธออย่างดีเช่นกัน ส่วนตัวไบลีย์เอง ก็เสพติดการถูกเลี้ยงดูไปเสียแล้ว ทำให้เธอไปสมัครแอปฯ สำหรับ Sugar Baby (เด็กเสี่ย) ที่ต้องการหา Sugar Daddy (เสี่ยสายเปย์) มาดูแล
แต่ตลอดเวลาหลังจากนั้น ไบลีย์ บอกว่าได้เจอกับผู้ชายมากมายหลายประเภท ที่ไม่ได้หวังแค่ข้อความแชท เหมือนเสี่ยใหญ่ใจดีคนแรกในชีวิตของเธอ และไม่ใช่ทุกคนที่จะใจดีแบบนั้นด้วย
สถานการณ์แพร่ระบาดของ โควิดยุโรป ยังคงวิกฤติต่อเนื่องหลังหลายประเทศพบผู้ป่วยใหม่ต่อวันทุบสถิติอย่างต่อเนื่อง หลังโอมิครอนระบาด เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า สถานการณ์โควิดในประเทศยุโรปในขณะนี้ยังคงน่ากังวลอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศฝรั่งเศสทุบสถิติยอดผู้ป่วยโควิดใหม่สูงสุดอีกครั้ง และพบผู้ป่วยมากกว่า 179,807 ราย
ซึ่งประเทศฝรั่งเศสไม่ใช่ประเทศที่ทำการทุบสถิติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดย อิตาลี, โปรตุเกส และ อังกฤษ ได้ทำลายสถิติยอดผู้ป่วยใหม่ต่อวันเช่นกัน โดยสาเหตุที่ยอดผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องนั้น มาจากสาเหตุการแพร่ระบาดของโรคโควิดโอมิครอนที่หลายฝ่ายเชื่อว่าแพร่เชื้อได้ง่ายโควิดสายพันธุ์อื่น รวมถึงเทศกาลคริสต์มาสที่ประชาชนมาร่วมเฉลิมฉลองกัน จึงทำให้เสี่ยงต่อการรับเชื้อ
ซึ่งหากอ้างอิงตามข้อมูลของ องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ระบุว่าจำนวนผู้ป่วยโควิดเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 57 ในทวีปยุโรป และเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ในทวีปอเมริกา
และแม้ว่า WHO จะเคยระบุว่า โควิดโอมิครอนนั้นมีอาการที่เบากว่าโควิดสายพันธุ์อื่น และผู้ติดเชื้อมีโอกาสราวๆร้อยละ 30-70 ที่จะไม่ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แต่จากจำนวนยอดผู้ป่วยที่สูงขึ้น อาจทำให้ระบบสาธารณสุขใกล้ล่มได้
ไม่ใช่ของผม! หนุ่มมะกันถูกรวบหลังพบ ยาเสพติดมัดจู๋
ตำรวจเป็นหลังงง หลังจากที่พวกเขาได้เข้าจับกุมชายชาวอเมริกัน หลังพบ ยาเสพติดมัดจู๋ และอาวุธปืน เจ้าตัวปฏิเสธไม่ใช่เจ้าของยาเสพติด เมื่อวันที่ 23 สำนักข่าว ฟ็อกซ์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เข้าจับกุมนาย แพทริก ฟอเรนซ์ ชายวัย 34 ที่นั่งอยู่รถที่ขับโดยไม่เปิดไฟ เมื่อช่วงเวลาประมาณตี 4 ของวันเสาร์ที่ 18 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่น
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจพบอาวุธอยู่ใต้เบาะของนาย ฟอเรนซ์ และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมก็พบว่าเขาได้มัดยาเสพติดชนิดโคเคนและเมทแอมเฟตามีนไว้ที่อวัยวะเพศของเขา อย่างไรก็ตามเขาปฏิเสธว่ายาเสพติดที่ถูกผูกไว้กับเจ้าโลกเป็นของตน
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาความผิดทางอาญา 4 ได้แก่ครอบครองยาเสพติด 2 ข้อหา, ครอบครองอาวุธปืน และ ครอบครองกระสุนปืน
ซึ่งจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่านาย แพทริก ฟอเรนซ์ มีประวัติเคยถูกจับกุมเกี่ยวกับข้อหาทางยาเสพติดมากกว่า 20 ครั้ง ขณะที่คนขับถูกควบคุมตัว พร้อมถูกตั้งข้อหาเมาแล้วขับ
ทั้งยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของโลก (Medical and Wellness Hub) รวมถึงยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้แก่สมุนไพรไทย แพทย์แผนไทย และภูมิปัญญาในการดูแลรักษาสุขภาพแบบไทย พร้อมสนับสนุนความร่วมมือและเชื่อมโยงผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ของไทยกับผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพทั่วโลก
ซึ่งมูลค่าของธุรกิจและอุตสาหกรรมทางการแพทย์ของไทยในอดีตที่ผ่านมา ในปี 2562 มีมูลค่า 80 ล้านล้านบาท ส่วนในปี 2563 มีแนวโน้มการเติบโต 3% (ชะลอจาก 5.5% ปี 2562) ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 4 ปี อันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นไปทั่วโลก
เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง