กระทรวงสาธารณสุข ประเมินความพร้อมโรงเรียนทั่วประเทศกว่า 3.3 หมื่นแห่ง บาคาร่าออนไลน์ พร้อมเปิดเรียน 1 กรกฎาคมนี้อย่างปลอดภัย พร้อมตั้งจิตอาสา “ผู้พิทักษ์อนามัยโรงเรียน” จังหวัดละ 2 คน ร่วมเกาะติดเฝ้าระวังจุดเสี่ยงโควิด 19 ในโรงเรียน พร้อมประเมินและรายงานผลให้ สธ. – ศธ. รับทราบ
ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วยผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม และผู้อำนวยการโรงเรียนพิบูลเวศม์ แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมโรงเรียนก่อนเปิดเทอม โดยแพทย์หญิงพรรณพิมลกล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีว่าโรงเรียนทั่วประเทศ ทั้งสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานและสังกัดหน่วยงานอื่นได้ร่วมประเมินตนเองของสถานศึกษาผ่านระบบ Thai Stop COVID เพื่อสำรวจความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน โดยมีโรงเรียนเข้าร่วมประเมินทั้งหมด 33,637 แห่งจาก 38,450 แห่ง โดยเป็นโรงเรียนสังกัด สพฐ. 28,836 แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 85.7 ของโรงเรียนทั้งหมด ซึ่งผ่านเกณฑ์ประเมินครบทุกข้อ (44 ข้อ) ร้อยละ 94.19 และโรงเรียนในสังกัดอื่นส่วนใหญ่ผ่านเกณฑ์การประเมินตนเอง มีความพร้อมที่จะเปิดการเรียนการสอนในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
สำหรับการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนของสถานศึกษา (Reopening) ได้เน้นย้ำใน 6 แนวทางสำคัญ ประกอบด้วย 1.คัดกรองอาการเสี่ยงและวัดไข้ 2.สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ในโรงเรียน 3.จัดจุดล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลให้เพียงพอ 4.จัดให้มีการเว้นระยะห่าง 5.หมั่นทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส และ 6.ลดแออัด ไม่จัดกิจกรรมที่ต้องสัมผัสร่วมกัน นอกจากนี้แต่ละโรงเรียนจะมีการเตรียมพื้นที่สำหรับรองรับเด็กที่มีอาการเสี่ยงหรือมีไข้สูง พร้อมมีแนวทางการประสานส่งตัวรักษาและแจ้งผู้ปกครองทราบ และหากพบว่ามีนักเรียนป่วยหรือไม่สบายเป็นกลุ่มตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน จะดำเนินการสอบสวนโรค หากพบว่ามีการติดเชื้อโควิด 19 จะมีมาตรการปิดโรงเรียนเพื่อควบคุมโรคตามลำดับต่อไป
“กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข มีกลไกการประเมินและติดตามในแต่ละโรงเรียนตามพื้นที่เขตการศึกษา และมีผู้พิทักษ์อนามัยโรงเรียนซึ่งเป็นจิตอาสาเข้ามาร่วมติดตามการปฏิบัติตามมาตรการและให้คำปรึกษาด้านต่างๆ จังหวัดละ 2 คน ซึ่งจะรายงานผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องกลับมายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้การดำเนินงานควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19 เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดและมีความปลอดภัยอย่างสูงสุด” อธิบดีกรมอนามัยกล่าว
ด้าน ดร.พีรานุช ไชยพิเดช ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลพิบูลเวศม์ กล่าวว่า สำหรับโรงเรียนที่ดูแลนักเรียนวัยเด็กเล็ก จะเน้นการเรียนการสอนแบบผสมผสานทั้งในโรงเรียนและออนไลน์ เน้นการเว้นระยะห่างเพื่อลดการสัมผัสใกล้ชิดในทุกกิจกรรม ทั้งการเรียน เล่น รับประทานอาหาร และนอนกลางวัน เป็นต้น รวมทั้งเน้นย้ำเรื่องการสอนการล้างมืออย่างถูกสุขลักษณะ 7 ขั้นตอน เพื่อให้เด็กเล็กได้ปฏิบัติตาม ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และโรงเรียนได้ผ่านการประเมินตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดแล้ว
ส่วน ดร.จรุญ จารุสาร ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม จ.นนทบุรี กล่าวว่า โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษมีนักเรียนเป็นจำนวนมาก ก่อนเปิดภาคเรียนทางโรงเรียนผ่านการประเมินทั้ง 44 ข้อแล้ว ได้จัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน และยึดแนวทาง 6 มาตรการป้องกันตั้งแต่การเข้าโรงเรียนจนถึงนักเรียนกลับบ้าน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด รวมทั้งจัดให้มีครูหรือบุคลากรเป็นเวรตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการภายในโรงเรียนอย่างต่อเนื่องเพื่อให้นักเรียนทุกคนมีความปลอดภัยอย่างสูงสุดเช่นกัน
เพจดังนับยอดบริจาค ฌอน บูรณะหิรัญ ขอดูสเตทเมนต์
จากกรณีที่ ฌอน บูรณะหิรัญ ไลฟ์โค้ชชื่อดัง ได้เปิดรับเงินบริจาคช่วยไฟป่าดับไฟป่าดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ แต่เจ้าหน้าที่ออกมาเปิดเผยว่าไม่เคยได้รับความช่วยเหลือเลย ทั้งที่ความจริงฌอนได้รับเงินบริจาคกว่า 8 แสนบาท แต่กลับนำไปใช้ผิดจุดประสงค์ โดยนำเงินไปผลิตสื่อกว่า 2.5 แสนบาท และยอดบัญชีเงินบริจาคก็ยังไม่มีความชัดเจน
ต่อมาทางเพจ CSI LA ที่เคยออกมาตั้งข้อสงสัยว่า ชีวิตของฌอนขณะอยู่ที่อเมริกา โดนกลั่นแกล้งที่โรงเรียนเพราะเป็นคนเอเชียเพียงคนเดียวจริงหรือไม่ ก็ได้ติดตามเรื่องนี้ด้วย ก่อนหน้าทางเพจได้ประกาศขอรวบรวมยอดบริจาคจากคนที่ได้เข้าร่วมโครงการกับฌอน เพื่อเปรียบเทียบว่ายอดบริจาคเท่าใด
จากนั้นทางเพจก็ได้โพสต์ภาพที่ได้รวบรวมยอดบริจาคบางส่วน และบอกว่า “แฟนเพจของCSILAได้ทำการรวบรวมใบสลิปของคนที่บริจาคเงินให้ฌอนจากหน้าเพจของฌอนเอง แค่นี้ก็เกือบ5แสนบาทแล้วครับ ยังมีอีกหลายๆเม้นที่บอกว่าบริจาคแล้วแต่ไม่ได้โชว์สลิปเลยไม่สามารถเอามารวมได้ นี่ยังไม่รวมช่องบริจาคทางIGด้วย”
รองเลขาธิการฯ กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากการสนับสนุนงานวิจัยพัฒนาวัคซีนในประเทศแล้ว อย. ยังได้ติดตามสถานการณ์การพัฒนาวัคซีนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยได้เตรียมความพร้อมในการรองรับการขึ้นทะเบียนในสถานการณ์เร่งด่วนกรณีที่มีการทดลองวัคซีนในมนุษย์สำเร็จ ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำว่า อย. มุ่งสนับสนุนการพัฒนาวัคซีนโรคโควิด-19 โดยวัคซีนต้องมีความความปลอดภัย และได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ขอให้เชื่อมั่นในขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติทะเบียนเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค บาคาร่าออนไลน์